Monday, January 28, 2008

Full Metal Panic! Novel is GOOD!!

ในรอบสัปดาหที่ผ่านมา... จะว่ามันมีเรื่องเยอะมันก็มีนะครับ
จะว่ามันไม่มี... มันก็ไม่มีอะไรเด็ดดวงถึงขนาดที่ผมจะต้องมารายงานลง
บล๊อกน่ะครับ ...เอาเป็นว่าผมขอพูดถึงเรื่อง Full Metal Panic! ก่อนละกัน

ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมอ่าน Fighting Boy Meets Girl กับ One Night Stand
จบลงไปแล้วครับ... ก็เป็นไลท์โนเวลที่ถือว่า"ยาว"นะครับ ถ้าเทียบกับ
"ยมฑูตสีขาว" หรือ "Shakugan no Shana" ฉบับภาษาไทยของ Bliss ที่เล่ม
เล็กกว่ากันอย่างเห็นได้ชัด แต่จำนวนหน้าดันยังมาน้อยกว่า FMP อีก...
สรุปใจความจากในไลท์โนเวลแล้ว... ผมพูดได้ว่าเนื้อควาหลักส่วนใหญ่ก็เหมือน
กับที่ได้ดูไปในอนิเมชั่นภาคแรกของ Gonzo นั่นล่ะครับ เนื้อหาสองเล่มแรก
ครอบคลุมอนิเมจนถึงตอนที่ 12 เลยน่ะครับ ก็ต้องรอเล่มที่สาม Rocking Into
the Blue ที่เป็นตอนที่กลุ่มเการอนบุกเข้าไปใน Tuatha de Danaan น่ะครับ
ก็เท่ากับจบอนิเมชุดแรกของ Gonzo อยู่ที่สามเล่ม
ข้อแตกต่างระหว่างไลท์โนเวล(ต้นฉบับของเนื้อเรื่อง) กับอนิเมก็คงเป็นราย
ละเอียดเล็กๆน้อยๆ ที่ไม่มีเวลานำมาลงได้ในอนิเมน่ะครับ แถมผมยังได้อ่าน
ความคิดของแต่ละตัวละครด้วย โดยเฉพาะความคิดของโซสุเกะที่ไม่เข้าใจ
สภาพสังคมปุถุชนธรรมดาเลยแม้แต่นิดเดียว พอได้อ่านการที่โซสุเกะพยายาม
จะปรับตัวอย่างสุดชีวิตเพื่อภารกิจปกป้องจิโดริแล้วมันชวนให้ฮาแตกจริงๆครับ
และในไลท์โนเวลก็ได้อธิบายเรื่องที่ผมสงสัยในอนิเมภาคแรกว่า "เทสซ่าไป
ชอบโซสุเกะตั้งแต่ตอนไหน?" ในเล่ม One Night Stand ก็ได้อธิบายตรงนี้
ให้ผมเข้าใจซะทีครับ ก็เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับการสั่งมาอ่านนั่นแหละครับ เพราะ
มันสนุกดีจริงๆ ...สนุกแบบนี้ทำไมไม่มีใครเอาเข้ามาขายในเมืองไทยนะ?

ปล. ยินดีกับชัยชนะของ โนวัก โยโควิช ด้วยนะครับ เล่นเทนนิสได้ดีจริงๆ
แม้ผมจะเอาใจช่วย โจ-วิลเฟรด ซองก้า แต่ก็ต้องยอมรับความยอดเยี่ยม
ของโยโควิชเลยล่ะครับ

Monday, January 21, 2008




Full Metal Panic! Fighting Boy Meets Girl
Full Metal Panic! One Night Stand
มาถึงมือผมแล้ว!!

หลังจากที่ผมได้ทำการสั่งหนังสือ 2 เล่มนี้ผ่าน Amazon ไปตั้งแต่วันที่
5 มกราคม... วันนี้มันส่งมาถึงบ้านผมแล้วครับทุกท่าน!! ราคาก็เรียบๆ เพียง 32$
เท่านั้นเอง (รวมค่าขนส่งแล้วนะ) เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เสียเวลา... ผมขอตัวไปอ่าน
ก่อนนะคร้าบ!!

Thursday, January 17, 2008

Ultra HDTV .... เว่อร์สุดๆเลยครับ

Ultra HDTV will on air in 2015

สืบเนื่องจากข่าวในบทความนี้ที่พูดถึงการที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะผลักดันในระบบ
UltraHDTV ผมอ่านเมื่อวานแล้วปวดหัวตึ้บเลยครับ
กับระบบการแสดงและกระจายภาพขนาด 7680x4320 = 33M pixels
เมื่อเทียบกับ HD ในปัจจุบันที่มาตรฐาน 1080p (1920x1080 = 2M pixels)
นับว่าเยอะเว่อร์จริงๆ ...

ในกระทู้ข้างบนนั่นมีคนคำนวณว่าการจะเล่นภาพยนตร์ความยาวสองชั่วโมง ด้วยภาพจำนวนพิกเซลขนาดนี้ต้องใช้แผ่น Bluray ถึง 115 แผ่นเลยนะครับ (ยังไม่ได้ลดขนาดจากการบีบอัดไฟล์นะ)
ถึงบีบอัดด้วย h.264 (หรือมาตรฐานใหม่ในอนาคต) ก็ยังคงต้องใช้แผ่นที่มี
ความจุขนาด 3-4 TB อยู่ดีแหละครับ และทีวีที่ใช้ถ้าเป็นเทคโนโลยีใน
ปัจจุบันนี้ ก็ต้องขนาดอย่างน้อย 300 นิ้วเลยล่ะครับ Shocked
ส่วนบ้านเราก็ดูแบบ 480p กันไปนะครับ ไว้ให้เขาเริ่มใช้ UltraHD บางทีเราอาจจะได้เห็นรัฐบาลเริ่มคิดถึง HDTV แล้วก็ได้...

อีกเรื่องนึงที่ผมอยากพูดถึงในวันนี้ก็เรื่อง Macbook Air
Laptop ตัวใหม่จาก Apple ที่เขาโม้สรรพคุณว่า บางเบา ที่สุดในโลก...
จากภาพที่เห็นแล้วผมก็ยอมรับครับว่ามันบางเฉียบจริงๆ... แต่ผมกลับไม่
ได้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกับผลิตภัณฑ์รุ่นก่อนๆของ Apple เลยแฮะ ยิ่งพบ
ว่าตัว Macbook Air นี้มีพอร์ต USB, Mini-DVI, หูฟัง อย่างละพอร์ต
แล้วก็หมดเพียงแค่นั้น... ครับ อินเตอร์เฟสเครื่องนี้มันอยู่แค่นี้จริงๆ
เพื่อให้ได้ความบางระดับ ก็จำเป็นต้องถอด Optical Drive ทิ้งไป ข้อดี
ก็คือจะประหยัดพลังงานมากขึ้น แต่การใช้งานหลักๆของเครื่องนี้ต้อง
พึ่งพาความสามารถของระบบ Wireless อย่างเต็มที่ สมชื่อ Air ของ
มันนะครับ และจุดนั้นแหละที่ผมคิดว่ามันไม่ค่อยเหมาะสมกับการใช้
งานระดับสมบุกสมบันของคนใช้ laptop ส่วนใหญ่กัน ...น่าจะเหมาะ
กับตลาด Presentation หรือผู้บริหารใช้งานจิปาถะนะครับ แต่ด้วย
ราคาระดับ 1799$ นี่ ผมคงเอาเงินจำนวนนี้ไปถอย Macbook Pro
ดีกว่า...

ปล. ช่วงนี้ผมเล่น Wii ไม่ได้เพราะทีวีเสียนะครับ อ๊าก!!!

Monday, January 14, 2008

Robot Club Fusion ปี 49
บางสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

เมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา กระผมได้พบตัวเองอยู่ที่หาดทรายแก้วรีสอร์ท 
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เนื่องเพราะงานฟิวชั่นประจำปีของชุมนุมโรบอท คณะ
วิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีเจ้าคุณทหารลาดกระบังในปีการศึกษา
นี้ได้จัดขึ้นกันที่นั่นครับ... รถตู้ออกเดินทางกันตอนประมาณบ่ายโมงครึ่งใช้
เวลาเดินทางกัน 6 ชั่วโมง ก็ถึงรีสอร์ทหาดทรายแก้วกันอย่างปลอดภัยใน
เวลา 19.30 น. หลังจากนั้นกระผมก็ใชเ้วลาสนุกและเพลิดเพลินไปกับบรร
ยากาศริมทะเลยามค่ำคืนที่ระดับความสบายลงตัวเป็นอย่างดี นั่งซดเบียร์
คลอเสียงกีตาร์และลูกคอชายหนุ่ม(โฉดและโสด)... ช่างมีความสุขสบายกัน
ดีจริงๆในอดีตการไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนในสถาบัน ผมมักจะมีคดีกับอุปกรณ์
ดนตรีที่ชื่อว่า "กีตาร์" เป็นประจำ...ผมทั้งเคยใช้เข่ากระทุ้งจนเป็นรู เคยทำ
หาย และทำสายขาดมาหลายครั้ง... ในคราวนี้ผมก็หวาดหวั่นไม่น้อยว่า
จะสร้างเวรสร้างกรรมอะไรกับมันอีกรึเปล่านั้น ก็ปรากฏว่าไม่รอดสันดอน
อีกอยู่ดีครับ ขณะที่กำลังบรรเพลง "เธอจะอยู่กับชั้นตลอดไป" ของแคลชนั้น 
ปรากฎว่าสาย 4 ดันขาดซะงั้นครับ! ...สาย 4ขาด? เล่นมาตั้งนานหลายปีก็
เพิ่งจะเคยนี่ล่ะครับ เล่นสาย 4 ให้ขาด ปกติจะเป็นสาย 1 ไม่ก็ 2 ที่ต้องรับ
เคราะห์กรรมเพราะความบางของตัวเส้น เมื่อเล่นแบบใส่อารมณ์รุนแรง
เข้าไปก็จะเกิดการขาดขึ้นโดยง่าย ยังดีที่เป็นการขาดปลายที่หัวสาย 
ทำให้เส้นสายยังยาวพอจะซ่อมแซมให้ใช้งานต่อได้อยู่ ก็โอเคไป
ครับ... ในตอนดึกมีการโรบอทปิ้งย่างนอกสถานที่ ฉบับทะเล นานา
พรรณด้วยปลาหมึกและกุ้งให้กินกันอย่างสนุกปาก เหล้ายาที่นำมา
แบบประหยัดต้นทุน (เพราะไม่คิดว่าจะกินกันเยอะ) ก็หมดลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน จากนั้นเราก็ได้มีการประชุมปรับทุกข์ปรับสุข
ประจำการฟิวชั่นของชุมนุมครับ เรื่องรายละเอียดการประชุมผมไม่
ขอเอ่ยกล่าวละกัน เพราะเป็นความลับของชุมนุม ฮ่าๆๆๆ เมื่อประชุมเสร็จ
แล้วกระผมก็ออกไปจิบเบียร์อีกซักพักแล้วก็กลับมานอนในเตียงนอน
ที่ถูกลักขโมยผ้าห่มไปเสียแล้ว...เมื่อตื่นขึ้นมายามเช้า 9 โมง 
รับประทานอาหารเช้าเป็นข้าวต้มทะเลมีกุ้งให้แกะกิน 3 ตัวแล้ว ทางชุมนุม
ก็มาตัดสินใจกันว่าจะไปดำน้ำกันต่อดีไหม (รู้สึกจะหัวละ 350 บาท
กระมัง) ผมซึ่งไม่มีความสนใจจะดำน้ำเพราะรู้ว่าควรจะกลับกันตอนเที่ยง 
ก็ลงทะเลไปทำตัวเป็นคนแก่ที่ลงแช่น้ำเย็น(เค็มๆ) ลอยตุ้บป่องไปเรื่อยๆ
จากนั้นก็เล่นลิงชิงบอลกับผองเพื่อน ก่อนเสร็จแล้วขึ้นมาอาบน้ำ 
แล้วขอยืมกล้อง Canon EOS ตัวใหม่ของเพื่อนผมมาทำการทดสอบ
ประสิทธิภาพ ...แหม่ พอได้ลองใช้แล้วมันถ่ายคล่องมือจริงๆเจ้าพระคุณ 
กดโช๊ะได้ภาพเลยแชะ ไม่ต้องมาเสียเวลารอแบบกล้องดิจิตอล
ธรรมดาทั่วไป แบบนี้แหละครับผมชอบ เพราะภาพที่สวยงามมักจะ
มาเป็นวูบๆ อยู่ที่เราจะกดจับภาพในเวลานั้นได้ทันท่วงทีหรือไม่ 
เมื่อได้ใช้แล้วก็ชอบครับเมื่อเสร็จทุกอย่างแล้วก็ทำการเดินทางกลับสู่
กรุงเทพ...ซึ่งก็ใช้เวลาอีก 6 ชั่วโมงเหมือนเดิม กลับมาถึงสถาบันกัน
ตอน 2 ทุ่มครึ่ง แล้วขอติดรถเพื่อนไปลงใกล้ๆบ้านเป็นอันเสร็จพิธี
ฟิวชั่นของผมในปีนี้

ถ้าถามว่าสนุกไหมในรอบนี้ มันก็โอเคในตัวมันะครับ 
เพราะความรู้สึกว่าได้ครอบครองสถานที่อย่างเป็น
ส่วนตัวในคราวนี้มันพุ่งกระฉูดเพราะหาดและรีสอร์ท
มันเงียบดีเหลือเกิน การได้ปลดปล่อยจิตใจไปกับลม
ทะเลแผ่วเบา จับกีตาร์ร่ำเพลงเบาๆ ให้ความรู้สึกที่สบายใจ
ไร้กังวลดีเหลือเกินครับ แถมการได้มากับครอบ
ครัวโรบอทที่คุ้นเคยก็ให้ความรู้สึกที่หวนระลึกถึงยุคสมัย
ที่ยังเป็นบุคลากรของชุมนุมอยู่... ความหลังที่ติด
ตรึงใจ ประสบการณ์ที่หล่อหลอมให้ผมมีวันนี้ บางสิ่งที่ไม่เคย
เปลี่ยนแปลงยังคงอยู่อย่างครบครัน... ฟิวชั่นคราวนี้ 
ผมรู้สึกสบายใจจริงๆครับ

ปล. ผมลืมกางเกงลายพรานทหารไว้ที่รีสอร์ทเฉยเลยครับ 
ใครพบเห็นช่วยแจ้งคืนให้กับผมด้วยนะครับ

Thursday, January 10, 2008

Full Metal Panic: A Dancing Very Merry Christmas 
 ตอนที่ 4B, 5 Release!! 

หลังจากเสียเวลาอันยาวนาน ในที่สุดผมก็แปลมันสำเร็จแล้วครับ กับตอนที่ 
4B และ 5 ของ ซีรีย์ Dancing Very Merry Christmas เชิญรับไปอ่านได้
เลยครับ



Super Mario Galaxy 
เกมที่ทำให้คุณได้กลับมาสนุกสนานกับการเล่นเกมได้อีกครั้ง

ลองนึกย้อนไปถึงอดีตเมื่อวันวานสมัยยังหนุ่มสาว(?) อยู่นะครับ นึก
ภาพสมัยที่เครื่อง Famicom สีแดงครีมขาวยังได้รับคาวามนิยมใน
หมู่วัยรุ่น(?) สมัยนั้น มีเกมที่ติดตรึงความทรงจำสมัยวัยเยาว์มาก
มาย... แต่สำหรับผม เกมที่โดดเด่นที่สุดในยุคนั้นคือ Super Mario 3
ครับ ผมจำได้ว่าเล่นจบแบบไม่ใช้ขลุ่ยเพียงรอบเดียวเท่านั้น (สมัยนั้น
เกมคอนโซลยังไม่มีระบบเซฟครับ มีแต่พาสเวิร์ด การที่เล่นเกมให้
จบแบบสมบูรณ์ในรอบเดียวนั้นต้องกาศัยความถึกไม่ใช่น้อย ถึงเกม
มันจะไม่มีความยาวเพราะปัญหาของความจุแผ่นซอฟท์ก็เถอะ) เกม
การเล่นอันสนุกสนานที่ยกระดับการผจญภัยของมาริโอขึ้นไปสู่จุดสูง
สุด(ในความเชื่อของผม) กลายเป็นเกมที่ผมเชื่อว่าดีที่สุดตลอดกาล
(ผมคนนี้ไม่เคยเล่น Zelda ในสมัยนั้นครับ) มาปัจจุบัน... ความคิดนั้น
ของผมพลันต้องเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแล้วครับ กับเกม Super Mario
Galaxy ที่ออกมาในเครื่องคอนโซล Wii ที่วางตลาดไปทั่วโลกเมื่อ
เดือนพฤศจิกายน ปี 2007 ที่ผ่านมา พัฒนาโดย Nintendo 

หลังจากผมสอย Wii มาได้สัปดาห์กว่าๆนี้ ผมไม่เล่นเกมอื่นเลยครับ
นอกจาก SMG ณ ปัจจุบัน ผมยังเล่นไม่จบก็จริง คงจะวิจารณ์อะไร
ไม่ได้เพราะยังไม่ได้สมัผัสตัวเกมครบทุกอณูของมัน ได้เพียงพอ
จะทำการ Review ความเห็นของผม ...แต่ความรู้สึก ณ ที่เล่นอยู่ใน
ตอนนี้ คือสนุกมากครับ ความรู้สึกสนุกกับการเล่นเกมที่หายไป
นานของผมมันกลับมาเมื่อได้เล่นเกมนี้จริงๆครับ ในช่วงที่เกม PC
ถีบตัวเองขึ้นมาครองตลาดอย่าง Half-Life, Counter-Strike, Diablo
, StarCraft, The Sims หรือเกมออนไลน์ที่มีอยู่หลากหลายในปัจจุบัน
นั้น ให้ความรู้สึกอีกแบบนึงของการเล่นเกม ...ผมเองก็พูดได้ไม่ชัด
เจนว่ามันคือยังไง เหมือนกับความรู้สึกเก่าๆ ที่สนุกสนานของการเล่น
เกมในยุคก่อนมันเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว จนผมได้มาเล่น SMG ที่
ดึงความรู้สึกสนุกสนานเหล่านั้นกลับมาให้ผมอีกครั้ง 

...เมื่อเล่นจบแล้วจะมาทำการรีวิวนะขอรับ 

Tuesday, January 08, 2008

Wii will ROCK YOU!

ในช่วงหยุดปีใหม่ที่ผ่านมา กระผมได้ทำการถอยเครื่องเกม Console ของค่าย
Nintendo ที่กำลังได้รับความนิยมทั่วโลกอย่างมหาศาลนั่นคือ Nintendo's Wii
ครับ ...ผมได้เดินทางไปยังดินแดนแห่งเกม Console ที่มีชื่อเสียงที่สุดในสยาม
ประเทศแห่งนี้ "สะพานเหล็ก" เมื่อถึงที่หมาย ผมกับเพื่อนของผม(ผู้ไม่ประสงค์
จะออกนาม) ได้ทำการเดินวนเพื่อถามไถ่ราคา 1 รอบสะพานเหล็ก... 

Suckoja: "เอ่อ ไม่ทราบว่าเครื่อง Wii ขายกันราคาเท่าไหร่รึครับ?" 
คนขาย: "เครื่องของตัวไหนล่ะน้อง ญี่ปุ่น หรือ อเมริกา?"
Suckoja: "เครื่อง US น่ะครับ" (เขาถามอเมริกา ดันผ่าตอบ US!?)
คนขาย: "17500 น่ะน้อง"
Suckoja: "!! 17500 เลยรึครับ!? ทำไมราคามันแพงจังครับ? เห็นว่าช่วงเดืิอน
สองเดือนที่ผ่านมาราคายังอยู่แถวๆ 14000 อยู่เลยนี่ครับ?"
คนขาย: "มันใส่ชิบตัวใหม่น่ะน้อง ไอ็ชิบตัวนี้ช่วงนี้ราคามันแพง ตัวละ 3000
กว่าเลยน่ะ"
Suckoja: "แล้วตัวใหม่นี้สามารถเล่น Super Mario Galaxy ได้รึยังครับ?" 
คนขาย: "อันนี้เล่นได้แล้ว"
Suckoja: "แล้วราคาเครื่องญี่ปุ่นล่ะครับ?"
คนขาย: "12500"

หลังจากผมกับเพื่อนอึ้งไปชั่วครู่กับราคาที่สยองโลกของตัวเครื่อง ที่ดันมาขึ้น
เอาตอนที่ผมจะมาซื้อนี้ ผมก็กล่าวคำขอบคุณคนขายแล้วขอตัวลาออกมา
เพื่อทำใจและวางแผนการณ์ใหม่ เราได้ทำการสอบถามร้านอื่นๆเช่นกัน เผื่อ
ว่าเขาจะหลอกราคากระผม (คิดในแง่ร้าย) ก็ได้ใจความเหมือนกันแทบทุกร้าน
นั่นคือราคาของเครื่องมันขึ้นไปเพราะชิบตัวใหม่ และความขาดแคลนของตัว
เครื่องในช่วงปัจจุบันผลักดันให้ราคาของตัวเครื่องถีบตัวขึ้นสูงอย่างน่าเกลียด
เพราะมันดันไปแพงกว่า XBOX 360 กับ PS3 x ที่เพิ่งทำการลดราคาลงมา
ซะงั้น... ผมให้เพื่อนผมทำการซท้อแผ่นเกมเครื่อง PS2 ไปก่อนแล้วสุดท้าย
ก็ทำการตัดสินใจ เดินเข้าร้าน Hi-N Shop ที่อยู่ต่อหน้า แล้วถามเขาอีกครั้ง
ถึงราคาทั้งเครื่อง US และ JP ถามถึงความแตกต่าง ...ด้วยความอยากได้
แบบเลือดขึ้นหน้า ผมจึงขอให้เขาลองเครื่อง JP แบบแกะออกมาจากกล่อง
เลยครับ สุดท้ายผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง ผมก็ตัดสินใจเอาเครื่องนั้นแหละครับ
Wii JP/PAL แบบโมดิฟายใส่ WiiKey ตัวล่าสุดเข้าไปเพื่อให้สามารถเล่น
เกมทางฝั่งโซน US/NTSC ได้ เกม 10 เกมที่เขาให้ผมเลือกนี่ก็เอาจากใน
ร้านไปแล้ว 6 เกมมี Super Paper Mario, Mario Party 8, Rayman, 
Pangya for Wii, WiiSport, WiiPlay และเกมจากนอกร้านอีก 4 เกมที่ผม
เลือกคือ Super Mario Galaxy, Resident Evil 4, Legeng of Zelda: 
Twilight Princess และ Big Brain Academy Wii Edition ...เมื่อทำการ
ทดสอบแผ่นปรากฎว่าไม่สามารถเล่น Galaxy กับ Big Brain โซน US ได้
เลยทำใจเปลี่ยนมาเป็นโซน JP ส่วน Big Brain ก็คืนเขาไปเพราะถ้าไม่ใช่
ของโซน US เกรงว่าจะเล่นได้ไม่รู้เรื่อง ทำให้ได้เกมกลับไปเล่น 9 เกมนะ
ครับ จากงั้นให้เขาแพ๊กเครื่องใส่กล่อง พร้อมซื้อซิลิโคนหุ้มวีโมต อีก 1 ชุด
ทำการจ่ายเงิน เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจ...
เมื่อเดินทางกลับมาถึงบ้าน ผมทำการทดลองเครื่องโดยทันทีไม่มีรีรอ ผม
ต่ออุปกรณ์ทุกอย่างเสร็จ เปิดเข้าโหมด Video 2 แล้วเห็นหน้าจอขึ้นภาษา
ญี่ปุ่นให้กดปุ่ม A บนวีโมต ไอ๊กระผมก็พยายามกดตั้งนานก็ไม่ติด มัน      
เป็นอะไรของมันนะ ลองอ่านตามคู่มือจึงทำให้ได้รู้ว่า ทางร้านไม่ได้ให้
ตัวรับสัญญาณ Blue tooth มาด้วย!? ผมรีบติดต่อไปที่ทางร้าน...
เขาก็บอกผมว่าตัวรับสัญญาณยังอยู่ที่หน้าจออยู่เลยค่ะ... ขอบพระคุณ
มากครับ แผนการกอบกู้เจ้าหญิงพีชของผมในคืนนั้นต้องมีอันเป็นหมัน
ไป ในวันรุ่งขึ้นผมจึงไปเหยียบสะพานเหล็กอีกครั้งเพื่อรับของที่ฝากเอา
ไว้โดยไม่ได้ตั้งใจคืน รับของพร้อมคำขออภัยเสร็จ ก็รีบกลับมาบ้าน
เพื่อทดลองตัวเครื่องต่อ เสียบสายตัวรับสัญญาณ กดปุ่มซิงโครไนซ์  
ระหว่างตัววีโมตกับเครื่อง Wii ทำการซิงโครกันสำเร็จ ก็ใช้งานได้
และเข้าสู่หน้าจอหลักของเครื่อง Wii ...เอาล่ะ ใส่แผ่น Galaxy เข้าไป
แล้วก็สามารถเล่นได้ เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจครับ

จนถึงตอนนี้ผมซื้อเครื่อง Wii มาได้สัปดาห์กว่าๆแล้ว ผมก็สนุกสนาน
กับมันมากครับ แม้เวลาเล่นจะไม่ค่อยมี ใครที่สนใจการเล่นเกมใน
ความหมายแบบใหม่จะลองซื้อมาเล่นดูก็ไม่เสียหายนะครับ ^_^

Thursday, December 06, 2007

Grieans of war (เกรียนออฟวอร์) ฉบับ"อดเล่นนะคร้าบ"

เหตุเกิดมีอยู่ว่า เมื่อวานซึ่งเป็นวันพ่อ กระผมย้ายก้นตัวเองไปเดิน
โฉบที่เดอะมอลล์รามคำแหง แล้วเข้าไปถอย Gears of war (PC) 
มาด้วยใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยความหวังว่า "ตูจะได้ออกรบกับ Marcus
Fenix แล้ว!" ...ตัดข้ามมาวันนี้ทันที เพื่อไม่ให้เสียเวลา ผมรีบพา
ตัวเองไปที่ทำงานอย่างรวดเร็วเพื่อทำการ install เกมนี้ลงในเครื่อง
หลานชายคนใหม่ เริ่มทำการ install เมื่อ 7.38 เสร็จสิ้น 8.30 
...นานแฮะ แต่เอาเถอะ ลงเสร็จแล้วก็ crack ตามที่บอกเสร็จ เปิด
โปรแกรม Gears of war เตรียมยิง!! ...ขึ้น error มาได้ซะฉิบ ว่า
War4Live.exe มีปัญหา... เอ้า! งั้นก็หาข้อมูลดู พบว่ามีคนเจอะปัญหา
นี้กันมากเลยทีเดียวครับ ผมก็พยายามแก้ปัญหา ด้วยการหา crack
ตัวอื่นมาลง ลองเอาตัว Execute ตัวอื่นมาลง็แล้วก็ไม่ได้ ลอง 
install ใหม่อีกรอบ ทีนี้ทำให้เครื่อง HANG อย่างสมบูรณ์ทุกครั้ง
ที่พยายามเปิด Gears of war เลย... ผมถอดใจเมื่อถึงเวลา 10.30 
เพราะมันกินเวลาทำงานมามากแล้ว จึงลงอีกเกมแทนละกันเป็น
Demo ของเกม Crysis เท่าที่ได้ลองเล่นดู ระบบกราฟิกมันช่าง
สวยเวอร์ดีจริงๆ (ขนาดโดนมันบังคับให้ปรับภาพที่ medium 
ทุกอย่างนะนี่) ชักอยากเห็นภาพจากเครื่องที่เปิดทุกอย่าง High
หมดและก็ใช้ DirectX 10 ด้วย ว่ามันจะอลังการมากแค่ไหน แต่
แค้นี้ก็กระตุกมากแล้วล่ะครับ เล่นไปนี่ตายบ่อยมาก แสดงถึงความ
่อ่อนแต้ๆ ...ตัดมาตอนเย็น ผมไปที่ร้านอีกครั้งแล้วบอกทางร้านว่าลง
ไม่ได้ พี่เค้าก็ทดลองลงในเครื่องของทางร้าน ลงจนเสร็จ ใส่crack
แล้วก็เปิดเข้าเล่นเกมได้เฉย... ดูเหมือนว่าปัญหาที่แท้จริงนั้นจะมาจาก
การที่ผมใช้ Windows XP SP2 ตัวเก่าจะทำให้มีปัญหากับเกมที่ใช้
Engine Unreal 3 ทุกเกมเลยครับ เอาเป็นว่าผมไปหา Windows XP
ตัวที่ Update ที่สุดแล้วทดสอบกับ Demo ของ BioShock ดูดีกว่า
ถ้าสามารถเล่นได้แล้ว Gears of wars ค่อยเจอกัน!!!!