Friday, April 13, 2007

sabishi ne.... credit card

วันนี้กระผมรูดบัตรเครดิตการ์ดของตัวเอง เพื่อถอยทีวีรุ่นใหม่ของโซนี่ออกมา
ที่เดอะมอลล์รามครับ หลังจากเดินดูซุ้มของพานาโซนิคและฟิลิปส์แล้ว เมื่อ
ผมเดินมาถึงของโซนี่ก็เริ่มถามคำถามเดิมๆ ให้คนขายแนะนำไปเรื่อยๆ แต่พี่
ของโซนี่คนนี้ไม่ธรรมดาครับ! แกรู้ทุกเรื่องที่ลูกค้าต้องการรู้ (คนอย่างผมที่
ไม่รู้อะไรก็ต้องเอาตา ความชอบ และเงินเข้าตัดสินล่ะครับ) ก็เลยได้รุ่นราคา
14990 มาครับ พ่วงกับ DVD อีก 2600 ก็โอเคครับ ไหนๆบ้านผมก็เป็นลูกค้า
ที่ดีของโซนี่มเป็นระยะเวลานานแล้ว จะเป็นต่ออีกซัหน่อยคงไม่เป็นไรเนาะ
ก็หวังว่าจะรีบมาส่งเร็วๆนะครับ สงกานต์ที่เก็บตัวคราวนี้จะได้ไม่เงียบเหงา อิอิ

Friday, April 06, 2007

อยากรวย... แค่ไหนกัน?

เป็นคำถามที่เจ้านายถามผมในวันนี้ว่า "คุณต้องการมีเงินเท่าไหน่ถึงจะพอ?"
ผมก็ตอบตามความเพ้อฝันโง่ๆไปเลยครับว่า "พันล้าน..." (หรือประมาณ 25
ล้านเหรียญสหรัฐ) จริงๆครับ ผมตอบแบบนี้ไปจริงๆ แม้ว่าจะมีความลังเลแต่
ก็ต้องพูดออกไปเพราะ ผมอยากจะรวย ไม่ต้องห่วงเรื่องการเงินไปอีกตลอด
ชีวิต หรือที่เรียกกันว่า "อิสรภาพทางการเงิน" นั่นเองครับ ผมคิดเอาง่ายๆครับ
ว่าิยากจะรีไทร์ตอนซักอายุ 40 ปี ไม่ต้องทุกข์ร้อนด้านการเงิน ชีวิตแบบนี้ฟัง
แล้วดูดีใช่มั้ยครับ? ผมจะทำให้ดูครับ ผมจะไม่ยอมเป็นคนที่ต้องมาห่วงเรื่อง
การเงิน เพราะเงินเป็นแค่สื่อในการดำรงชีวิตประเภทหนึ่งที่ทุกคนยอมรับและให้
ความสำคัญกับมัน... มากเกินไป ผมอยากสนุกกับการทำอะำไรหลายอย่าง อยาก
สร้างบางสิ่งที่จะทำให้โลกต้องจดจำเอาไว้ ไหนๆจะทำแล้วก็ต้องเอาให้กระหึ่ม
สิครับ การจะทำให้คำโม้นี้เป็นจริงขึ้นมา ผมต้องศึกษาหาความรู้ในทุกแขนง
เพิ่มเติม ฝึกฝนเพื่อนำความรู้เหล่านั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์จริง (เพิ่งจะมารู้
สึกตัวถึงความสำคัญของการศึกษาก็ตอนเริ่มทำงานนี่แหละครับ) ศึกษาไป
เรื่อยๆ ผมมั่นใจว่าโอกาสขุดทองของผมมันจะมาเข้าซักวันแน่นอน ถ้าไม่
เป็นเช่นนั้น ผมคนนี้จะสร้างโอกาสมันขึ้นมาเองเลย!!

จำไว้นะครับ คนเราต้องหัดยืนด้วยลำแข้งตัวเอง ต้องทะเยอทะยาน ต้องเชื่อ
มั่นอยู่เสมอว่าเราทำได้ ท่องไว้ครับ กูจะรวยๆๆๆๆๆๆ

Tuesday, April 03, 2007

wasurenai...de

วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ผ่านไปอย่างสบายไม่ต้องทุกข์ร้อนปลอดใจมากนักครับ
การงานก็ยังเคลื่อนตัวต่อไปกับความรู้ของ DirectX ที่พอกพูนมากขึ้นทุกขณะ
ช่วงนี้กำลังสนุกกับการเขียน DirectX เลยล่ะครับ ค่อยๆเข้าใจลักษณะของ
เวกเตอร์ที่เกี่ยวข้องในรูปภาพ 3D ขึ้นมาทีละน้อย เป็นเรื่องเวกเตอร์ในเลข
ปีสองเลยล่ะครับ ถึงจะบ่นไปก็ไม่เกี่ยวแล้วล่ะครับ ผมก็ต้องศึกษามันใหม่
อยู่ดีเพราะมันเกี่ยวข้องกับ 6-Degree of freedom อย่างจังๆเลยครับ สำหรับ
การเคลื่อนไหวในส่วนของ Mesh ที่ต้องแสดงออกมาให้ได้ ค่อยๆครับ
อีกไม่นานมันจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว

พอมาถึงตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่าวิชาที่ผมขาดประสบการณ์และความรู้อย่างรุน
แรงเลยคือ Software Engineering ครับ ผมวางโครงให้กับโปรเจ็คไม่ได้
ครับ งานทร่ทำอยู่ในตอนนั้นสะเปะสะปะไร้ทิศทางมากครับ ต้องกลับไป
อ่านทำความเข้าใจกับวิชานี้อีกรอบแล้วล่ะครับ ไม่งั้นงานมันได้ยุ่งเป็นฝอย
ขัดหม้อแน่ๆ

Monday, April 02, 2007

งานวันนี้... ปวดหัวตึ้บเลยครับ

คือต้องขอกล่าวก่อนนะครับว่ากระผมนั้นเริ่มเข้างานแบบเต็มตัวมาตั้งแต่วันที่
1 มีนาคมแล้วน่ะครับ จึงกลายเป็นว่าผมทำงานมาแล้ว 1 เดือนเต็มๆ รับเงินเดือน
แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยครั้งแรก (ถึงแม้จะรับมาหลายรอบแล้วก็เถอะ) งานที่ผม
ทำอยู่ตอนนี้ที่ TNC Spectronics นั้นคือการดูแลด้านซอฟท์แวร์ของบริษัทครับ
แม้งานโดยหลักๆจะดูเหมือนว่าผมจะเป็นตัว Debugger ให้กับพี่ๆเขาเสียมากกว่า
แต่ก็สนุกดีครับ ตอนนี้กำลังศึกษา DirectX อย่างเมามัน ทำให้ผมระลึกถึงความ
ฝันครั้งวัยเยาว์ว่าต้องการจะเขียนเกมขึ้นมาซักเกมนึง ความฝันอันเลื่อนลอยที่
ปัจจุบันยังไม่มีทีท่าว่าจะเป็นจริง ก็ถูกจุดประกายขึ้นอีกครั้ง เพราะผมเชื่อมั่นว่า
การจะเข้าถึงศาสตร์ของ DirectX ผมจำเป็นจะต้องสร้างชิ้นงาน multimedia
ที่ DirectX รองรับอย่างหนักแน่นที่สุด... GAME ครับ แต่ก็คงจะได้เป็น Demo
กิ๊กๆ น่ะครับ เพราะจุดประสงค์หลักก็คือจะนำมาใช้ในเรื่อง DirectInput และ
Multimedia Featured ที่ Rich มากๆของมันน่ะครับ ส่วน Direct3D และ
DirectSound คือผลพลอยได้หลักๆที่ต้องเกี่ยวข้อง... สรุปก็คือใช้มันทั้งหมด
นั่นแหละครับ
วันนี้เป็นวันเริ่มต้นฝึกงานของพวกเด็กปีสามย่างปีสี่ ของลาดกระบังเรา มีเด็ก
คณะวิศวของเรามาฝึกงานที่บริษัทถึง 6 คนครับ (หนึ่งในนั้นมีน้อง[เชี่ย]ปอ
ภาคคอมอยู่ด้วยครับ) เนื่องจากเป็นวันแรกพวกมันจึงไม่มีอะไรทำกัยมากนัก
แต่ผมก็พอจะรู้ชะตากรรมของพวกมันว่า "มันจะต้องมาทำ DirectX กะตูแน่
นอน เหอๆๆ" ดีแล้วครับ ยิ่งมีงานให้น้องทำแค่ไหน ผมคิดว่ายิ่งส่งผลดีต่อตัว
น้องๆครับ ไม่อยากให้พวกนี้กลับลาดกระบังไปแล้วพูดว่า ไม่ได้อะไรเลยจาก
การฝึกงาน... ทั้งๆที่นี่แหละคือเวลาออกผลที่สมควรเก็บเกี่ยวตักตวงให้มาก
เข้าไว้ พยายามเข้าล่ะไอ๊น้อง แล้วพี่จะช่วยเหลือเอง... อนึ่ง ผมเป็นผู้ดูแล
ทั้ง 6 อยู่ไม่ห่างครับ...
เมื่อวานลืมพูดถึงงานหนังสือแห่งชาติไปครับ คราวนี้ผมได้สอย ยมฑูตสีขาว
เล่ม 5-6
มา, Uglies, อีสปพบมือโปร, The Tipping Point, Blink, มองโลก 360
องศา
และที่สำคัญที่สุด ผมเจอ The Wheel of Time เล่ม 2 The Great Hunt
เข้าให้ด้วยครับ แม้เล่มแรก The Eye of the world จะไม่มีขายแต่ผมก็ไม่ลังเล
ที่จะสอยนิยายที่เขาว่ากันว่าเป็นสุดยอดในวงการเล่มนี้มาครับ

Sunday, April 01, 2007

กลับมาให้ปวดหัวเล่นอีกครั้ง... คราวนี้จะนานแค่ไหนกันนะ?

ผมกลับมาอีกครั้งครับหลงจากหายไปนานมากๆจริงๆ กับบล๊อกของตัวเองที่ไม่
ยอมดูแลจนมันเน่าแบบนี้ เฮ้อ... แต่ที่กลับมาเพราะผมไม่มีอะไรจะทำจริงๆครับ
ก็เลย เอาวะ เสียเวลาเขียนบล๊อกวันละ 10 นาที อาจจะมีอะไรประหลาดมากขึ้น
ก็เป็นได้ ผมพอเข้าใจอยู่บ้างว่าการทำให้บล๊อกมีคนเข้ามาดูจำเป็นต้องโฆษณา
ครับ กว่าบล๊อกของ Omni จะโด่งดังคนเข้าดูทะลุหลัก 8 ล้านไปแล้วแบบนี้
Omni ก็ต้องพยายามอย่างมากครับ ทั้งคุณภาพและการประชาสัมพันธ์ แต่พอ
ของมันติดตลาดแล้ว มันก็อยู่ตัวอย่างสบายๆเลยครับ เรียกว่ากลายเป็น com
munity ย่อยๆ ไปเลยทีเดียวเชียวครับ แต่ส่วนของเรานั้น ผมยังมั่นใจว่า
ไม่มีใครเข้ามาอ่านอยู่ดีแหละครับ ซึ่งก็น่าเสียใจอยู่บ้าง (พอควรเลยล่ะ) แต่
ลองคิดมุมกลับดู แบบนี้มันน่าจะโอเคนะครับ เพราะผมจะไม่ต้องใส่ใจต่อผู้
ที่จะอ่านข้อความนี้ ผมก็จะสามารถเขียนได้อย่างสบายใจ ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่อง
อะไรก็ตาม จากนี้ไปก็จะพยายามเขียนให้มากขึ้นแล้วครับ เพราะนี่คงเป็นสาร
ที่ผมจะเหลือความคิดทิ้งไว้ให้ผู้อื่นรับรู้ได้เป็นทางเดียวแล้วมั้ง ที่ TG ผมก็
ไม่มีบทบาทอะไรเหลือแล้ว จะกลับมากระเตื้องเฟื่องฟูอีกครั้งมันก็ใช่ที่ ...
ความรู้สึกสบายๆ ไม่ทุกข์ไม่ร้อนจนเกินไป ฟังเพลงสบายๆของ Spitz
นี่แหละครับ ความคิดของผม ไม่มีประเด็นให้สื่อ ไร้หลักการ ขาดจุดหมาย
ล่องลอยไปตามกระแสลมและกาลเวลาที่ไม่อาจหยุดยั้ง ... ดีแล้วล่ะครับ