Sunday, December 24, 2006

Paradox Rate X ...จะแต่งเพลงเพราะนั้น ไม่ต้องคิดให้ยากครับ

"รักเราอาจดูเหมือนมันเป็นเพียงแค่สิ่งเลือนลาง
สักวันหนึ่งทางของเรามันคงต้องจากกันไป
แต่ยังได้รักกันเพียงครั้งหนึ่ง
ขอบคุณที่เธอให้ฉันรู้จัก กับความรักที่มีค่ากว่ารัก
รักเราอาจดูเหมือนมันเป็นเพียงแค่สิ่งปลอมๆ
แค่เงาที่เคียงข้างกายแม้จะสัมผัสเพียงใด
แต่ก็ยังรักยังคงรู้สึก
ขอบคุณที่เธอให้ฉันรู้จัก กับความรักที่คุ้มค่ากว่ารัก
ไม่เลิศเลอไม่ยิ่งใหญ่ไม่ความหมายใดสำคัญกว่าครั้งหนึ่งเรารักกัน"

นี่เป็นเนื้อเพลง "เงา" จาก Paradox อัลบั้ม X ครับ และทำนองเพลงเป็น
acoustic ที่เรียบง่ายเล่นกันอยู่ใน tab E ไหลไปเรื่อยๆครับ เป็นเพลงที่ฮุค
เข้ากับตัวผมอย่างจังเลยครับ เพราะความเรียบง่ายแต่มีศิลปะอย่างรุนแรง
ผมฟังเพลงนี้รอบแรกเสร็จ ผมคิดในใจเลยครับว่า "จะแต่งเพลงดีๆก็ทำได้
ทำไมไม่ทำ" เพราะมันยากครับ... การจะแต่งเนื้อเพลงให้สอดรับกับทำนอง
ดีๆนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยครับ และมันไม่ได้มาได้วง่ายๆเหมือนกระดิกนิ้ว
สั่งซะด้วยสิครับ ต้องอาศัยประสบการณ์และมุมมอง อารมณ์ จังหวะ
ทุกอย่างต้องสอดประสานกันเพื่อสร้างชิ้นงานที่จะคงอยู่ตลอดไปในใจ
เราได้ครับ เพลงเพราะทุกเพลงที่ผมชอบ เป็นเพลงที่มี melody เรียบง่าย
ไม่ยากอะไร แต่สื่อถึงสิ่งที่แฝงอยู่ในองค์รวมของตัวเพลง เพราะเมื่อมัน
ประสานกันออกมาเป็นบทเพลงแล้ว... สุดยอดครับ

ขอฝากไว้หน่อยนะครับ ผมเชื่อแบบนี้จริงๆ
"ดนตรี คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยได้สรรค์สร้างกันมา"

Wednesday, December 20, 2006

Nodame Cantabile... ความงดงามของดนตรีอันเหนือชั้น!!

Nodame Cantabile หรือชื่อไทยว่า "วุ่นรักนักดนตรี" ผลงานโดย นิโนมิยะ โทโมโกะ
ในตอนนี้กำลังเป็นทีวีซีรี่ย์เรตติ้งกระฉูดอยู่ที่ญี่ปุ่นครับ คาดว่าไม่นานคงได้เข้าบ้านเรา
เรื่องราวความรักของนักศึกษามหาลัยดุริยางค์ศิลป์ โนดะ (โนดาเมะ) เมกุมิ ที่เธอมี
ให้ต่อรุ่นพี่ในสาขาเปียโนของเธอ จิอากิ ชินอิจิ โดยที่จิอากิเป็นเทพบุตรสุดหล่อ
มาดเนี้ยบ เพอร์เฟกค์ไปหมดซะทุกอย่าง ส่วนโนดาเมะ เธอผู้มีชีวิตอยู่กับขยะ...
ห้องที่ไม่เคยคิกจะเก็บ ความซกมกเหนือคำบรรยาย แต่เธอซ่อนเร้นไว้ซึ่งความ
สุดยอดของลีลาการดีดเปียโน ซึ่งได้นำพาให้ทั้งคู่มาพบกัน... เรื่องราวต่อจากนี้
ไปตามหาอ่านจากการ์ตนเอาเองนะครับ หรือไม่ก็รอให้ Sub^Nai ของผมทำ
v.anime ที่กำลังจะเริ่มฉายกลางเดือนหน้าก็ได้นะครับ งานนี้ผมจองขอทำ
เลยล่ะครับ อ่านตอนแรกนี่ รีบเปิด youtube ดูซีรี่ย์ทันทีเลยครับ สนุกมากๆ
เพลงที่นำมาเล่นในเรื่องก็มีแต่คลาสสิกขั้นเทพทั้งนั้นครับ ไม่ว่าจะเป็นงาน
ของบีโธเฟน โมซาร์ท บรามห์ส โชแปง ราชมานอฟ และอีกหลายๆท่าน
ตัวละครแต่ละตัวก็มีเสน่ห์ให้หลงใหล ทั้งความเท่โคตรๆของจิอากิ ความ
หลุดเอี้ยๆของโนดาเมะ ความหื่นจนหูดับตับไหม้ของสเตรซมันน์ และ
ความสนุกของมุขตลกที่เรื่องนี้บรรจงเล่น ผมแนะนำอย่างสุดฤทธิ์ให้
หามาอ่านเลยครับ

แล้วเจอกันนะคร้า้บ กะอึ๋ยลลลล์ กึ๋ยๆๆ

Sunday, December 17, 2006

When you listen to something, will you?

ตอนนี้ผมกำลังนั่งฟัง OST ของ Nodame Cantabile Series อยู่ครับ
มีเพลงนึงที่ตอนนี้เปิดซ้ำแล้วซ้ำอีก คือ 美しきタ暮れ ครับ เพลงนี้
เป็นเพลงบรรเลงที่ให้อารมณ์เศร้าแบบมียิ้มที่มุมปากเล็กน้อย อาการ
ของคนที่เตรียมใจไว้รับความเศร้า เหมือนกับตอนที่รำลึกอดีตที่ผิดพลาด
ของตัวเอง... เำพลงนี้ให้ความรู้สึกแบบนั้นจริงๆครับ ผมบรรยายอารมณ์
ออกมาให้พยายามใกล้เคียง แต่ก็เข้าใจว่าไม่ตรงตามที่รู้สึกจริงๆ เพราะ
ตัวผมเองก็อธิบายถึงความรู้สึกนี้ไม่ได้เช่นกัน ...ไม่เข้าใจน่ะครับ แต่กลับ
รู้สึกว่าอารมณ์นี้คอยอยู่กับผมเสมอมา ฟังเพลงนี้แล้วอยากออกไปข้างนอก
แล้วนั่งมองท้องฟ้าไปเรื่อยๆ จนอารมณ์แปรผัน ความรู้สึกนี้... ผมอยากแกะ
ออกมาเป็นดนตรีแล้วจดจำไว้ คงเป็นเพลงที่เหมาะกับการเล่นในยามที่
อยู่คนเดียว เหงาหงอย... นั่นสินะครับ คงเป็นความรู้สึกนี้กระมังที่ใช่
เพลงนี้ให้ความรู้สึกเหงาเศร้าใจ ที่คนเราต้องเวิ้งว้างอยู่กับตัวเอง โดยไม่
มีใครมาดูแลอยู่ข้างกาย... มิน่าล่ะ... ผมถึงได้ติดใจในเพลงนี้

Tuesday, December 12, 2006

Steve Jobs is the best, and he truly is!

ในสองวันที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสอ่านหนังสืออัตชีวประวัติของ
สุดยอดดาราแห่งวงการเทคโนโลยี "สตีฟ จ๊อบส์" CEO ของบริษัท
Apple และ Pixar (ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นของ Disney ไปแล้ว) ชื่อว่า
"iCon: Steve Jobs"

ด้วยความสนใจในผลิตภัณฑ์ของ apple มาตั้งแต่ตอนกลางปี (เพราะ
อิทธิพลของเจ้าหัวฟู เพื่อนผม) ผมเริ่มหลงใหลการรังสรรค์อันสวยงาม
ทั้งด้านรูปลักษณ์และแนวความคิดในเทคโนโลยีของ Mac ผมก็เริ่มมี
ความอยากจะซื้อมาใช้บ้าง ความคิดในตรงนี้แรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะ
ตอนที่ผมได้ดู Keynote:WWDC 2006 ที่เคยได้บล๊อกไว้ในนี้ ความ
ประทับใจที่ผมมีนอกจากนวัตกรรมของ Apple แล้ว ผมยังติดใจในความ
สามารถที่ได้สะกดอารมณ์ผู้ชมงานไว้ได้ของสตีฟ ตลอดเวลาที่เขาแนะ
นำผลิตภัณฑ์ เขาดูมีวาทศิลป์และเสน่ห์อันน่าดึงดูดให้คนหลงใหลบูชา
ผมจึงเริ่มชอบใจภาพลักษณ์ของสตีฟมากขึ้นเรื่อยๆ จนผมได้มีโอกาสซื้อ
หนังสือเล่มนี้มาอ่าน เพื่อทำความรู้จักกับคนผู้นี้ให้มากขึ้น ในหนังสือเล่มนี้
ได้ครอบคลุมประวัติการทำงานของสตีฟไว้ตั้งแต่เขาเริ่มทำงานในร้านขาย
อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ตอนมัธยม ได้ทำงานในอะตาริ จนได้ก่อตั้ง Apple ร่วม
กับ"สตีฟ โวสนิแอก" โคตรอัจฉริยะทางอิเลกทรอนิกส์ ซึ่งผลงานเขย่าโลก
ของ apple ในตอนนั้นก็คือเครื่องคอมพิวเตอร์ Apple II ครับ จนถึงช่วงที่
สตีฟถูกบีบให้ออกไปจาก Apple ที่เขาร่วมสร้างมาเพราะนิสัยส่วนตัวที่เป็น
จอมเผด็จการในระดับที่หลงอำนาจเลยทีเดียว การเริ่มต้นใหม่ที่ไปไม่รอดกับ
NeXT ความโชคดีที่ได้ไปรับ Pixar มาไว้จากจอร์จ ลูคัส จนปัจจุบัน Pixar
เป็นสตูดิโอที่ทำเงินรายได้ในภาพยนตร์สูงสุดตลอดกาลโดยเฉลี่ยต่อเรื่อง
การกลับมายัง Apple และได้ทำให้บริษัทที่มีเสน่ห์นี้กลับมายืนได้ การได้กลาย
มาเป็นผู้ขีดเส้นทางเดินให่้กับอุตสาหกรรมดนตรีด้วย iPod และ iTunes ชายผู้
ปัจจุบันมีอายุ 51 ปีผู้นี้ยังไม่หยุดนะครับ

ผมชอบใจที่ในหนังสือเล่มนี้เขียนให้ข้อมูลของบุคคลสำคัญที่เป็นหุ้นส่วนและ
คู่แข่งทางการค้าของสตีฟ และให้รายละเอียดที่ลึกพอที่ทำให้ผู้อ่านรู้ว่า
จริงๆแล้ว อะไรมันเป็นอะไรกันแน่ สตีฟเป็นคนที่มีเสน่ห์น่าดึงดูด แม้ว่าเขา
จะมีระบบการดูแลงานที่ทำให้ผู้ทำงานด้วยแทบอยากจะมุดโต๊ะหนี ลาออกกัน
แทบทุกคน และมีเล่ห์เหลี่ยมที่ทำให้คู่แข่งของเขาเกลียดชังเขาอย่างมาก
แต่เขาก็เป็นผู้ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ขอนับถือจากใจ
เลยครับ สตีฟ

Saturday, December 09, 2006

tadaima... are you really sure?

หายหัวไปนานจนตัวเองคิดถึง แม้จะรู้ว่า blog บ้านี่ จะไม่มีใครเข้าเยี่ยมชม
นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา ปัญหามันอยู่ที่พฤติกรรมของคนทำ blog ที่ขี้เกียจอย่าง
ร้ายกาจ... เป็นปัญหาที่ผมอยากแก้ไขขัดเกลามานานแสนนาน แต่ไม่เคยทำ
ได้เสียที ผมพบว่าการที่ตัวผมจะทำอะไรได้เรื่อยๆนั้น สิ่งมี่จะทำนั้นต้องมี
ความน่าสนใจกับผม หรือพูดง่ายๆว่าทำไปแล้วมันสนุก เพราะถ้าไม่สนุก...
ทำไปมันก็ไร้ความหมายและคุณค่าครับ
ตัวผมใช้ชีวิตมาจนถึงวันนี้ ในช่วงที่ไม่ได้อัพ blog ก็มีเรื่องมากมายวนเวียน
ผ่านเข้ามา ทั้งเรื่องที่ผมกลับไปทำซับอีกครั้ง ทั้งเรื่องงานโปรเจ็คที่งวดเข้ามา
ทุกขณะ เรื่องที่ผมยังคงทำใจไม่ได้ เรื่องที่ผมเป็นคิดว่าตัวเองมีปมด้อย ทั้งๆที่
ถ้ามองในมุมนึง มันคือปมเด่น... แต่ถึงกระนั้น โลกก็ยังคงดำเนินไปอย่างที่มัน
เป็น ความก้าวหน้าของมนุษยชาติที่เดินหน้าไปโดยไม่รอให้ชายคนนี้รับรู้ถึงมัน
ความฝันที่เลือนลาง เพราะได้เห็นถึงขีดจำกัดในความสามารถของตัวเอง...
ใช่ครับ... ผมมองเห็นเพดานของตัวเองแล้วครับ ผมสมควรใช้สมองน้อยๆ
ตรึกตรองให้ออกว่า เพดานเป็นสิ่งที่จิตใจผมสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกลวงตัวเอง
ไม่ให้ชกทะลุเพดานขึ้นไปพบกับระดับใหม่ของชีวิต ผมจมปลักอยู่กับห้องแคบๆ
ที่เรียกว่า"ความกลัว"อย่างโงหัวไม่ขึ้น ผมกลัวมันไปซะทุกอย่าง กลัวจนขี้จะ
แตกอยู่แล้วครับ ขอร้องเถอะครับ ทำให้ผมกลัวมากกว่านี้ซัก 10 เท่าซิครับ ถ้าความ
กลัวระดับนี้ ยังทำผมว้าวุ่นใจ ก็จงกลัวให้มันมากกว่านี้อีกซัก 100 เท่าไปเลยครับ
ถ้าผมยังไม่ตายไปซะก่อน... ผมคงจะเห็นอะไรชัดเจนขึ้นกระัมัง